นับจากวันที่ ชาบี เอร์นานเดซ เข้ามารับงานกุนซือของสโมสร บาร์เซโลน่า จนถึงวันที่บาร์ซ่าถล่มคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด คาบ้าน ได้ 4-0 สิริรวมเป็นเวลาเพียง 134 วันเท่านั้น
จากทีมที่เข้าสู่ขาลงเต็มรูปแบบ เกิดปัญหาตั้งแต่บอร์ดบริหาร การเงิน และสภาพจิตใจนักเตะ ได้กลายเป็นทีมที่เล่นด้วยความมีชีวิตชีวาและได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดในรอบหลายปี นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนของ บาร์เซโลน่า ภายใต้การทำทีมของ ชาบี เอร์นานเดซ
เวลาอันแสนสั้นแค่ 134 วัน มีทางลัดอะไรที่ทำให้ ชาบี เจอปัญหาที่แท้จริงของทีมๆนี้และลงมือแก้ไขมันได้?
ให้อุดแล้วสวน ผมเลิกเป็นนักบอลดีกว่าในช่วงที่ยังเป็นนักเตะ ชาบี ถือเป็นยอดแข้งที่สามารถยืนยันความเป็นเอกลักษณ์ของสโมสร “บาร์เซโลน่า” ได้เป็นอย่างดี การมีอยู่ของเขาร่วมกับนักเตะที่รูปร่างเล็กอย่าง อันเดรียส อิเนียสต้า และ ลิโอเนล เมสซี่
คือการย้ำจุดยืนว่าสโมสรแห่งนี้มีวิธีการเล่นที่แตกต่างจากเทรนด์ฟุตบอลของทีมอื่นๆบนโลกนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้ส่วนสูง มีแค่เพียงไหวพริบ ทักษะ และทัศนคติในการเล่นที่ตรงกัน นั่นคือ “ครอบครองบอล”
เพราะเมื่อพวกเขาเป็นฝ่ายครองบอล ความคล่องตัวของเหล่านักเตะตัวเล็กจะเปลี่ยนจากจุดอ่อนให้กลายเป็นอาวุธ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งกองกลางจอมทัพที่คอยบัญชาเกม ชาบี คือหนึ่งในนักเตะที่ถือเป็นตัวแทนยุคสมัยหนึ่งของฟุตบอลเลยก็ว่าได้
“ชาบี คือหัวใจสำคัญในวันที่ฟุตบอลแบบ ติกิ-ตากา อยู่บนจุดสูงสุด.. เขาคอยควบคุมจังหวะเกม บวกกับคุณภาพการจ่ายบอลสั้น-ยาวที่สุดยอดไม่มีใครเกิน เขาเป็นผู้รวบรวมและสร้างยุคสมัยใหม่กับ อิเนียสต้า, การ์เลส ปูโยล และ ลิโอเนล เมสซี่ ทุกคนที่กล่าวมาแสดงให้เห็นถึงสมดุลของเกมรุกและรับ และบอกโลกนี้ว่าขนาดของร่างกายไม่ใช่จุดชี้ขาดผลแพ้ชนะอย่างที่ใครคิด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบุกหรือฝ่ายรับก็ตาม” ฟิลิปป์ ลาห์ม กองหลังทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์โลกปี 2014 กล่าวถึง ชาบี และ บาร์เซโลน่า ในยุคที่ ชาบี ยังเป็นนักเตะอยู่
ชาบี ไม่ได้เป็นตัวแทนของวิธีการเล่นแบบ ติกิ-ตากา เพียงเพราะเขาเป็นนักเตะที่ประสบความสำเร็จกับ บาร์เซโลน่า เท่านั้น เขาซึมซับเรื่องนี้จนพบว่า วิธีการเล่นดังกล่าวคือฟุตบอลแบบเดียวที่เขารู้จัก และเชื่อว่ามันเป็นฟุตบอลที่ดีที่สุด
นี่อาจจะไม่ใช่ข้อเท็จจริง เพราะบนโลกฟุตบอลไม่มีอะไรตายตัว แต่สำหรับ ชาบี เมื่อมีใครยกประเด็นเกี่ยวกับวิธีการเล่นฟุตบอลที่ดีที่สุด เขามักจะบอกเสมอว่าการครองบอลคือที่สุดเสมอ และเขาไม่ลังเลที่จะเถียงด้วยฝีปากที่ร้อนแรงเสมอ โดยเฉพาะตอนที่เขายังเป็นนักเตะ เขาเคยบอกว่าคู่แข่งร่วมลีกของ บาร์เซโลน่า อย่าง เรอัล มาดริด และ แอตเลติโก มาดริด คือทีมที่มีทัศนติในการเล่นเหมือนกับทีมเล็กๆ โดยเฉพาะเวลาที่เจอกับ บาร์เซโลน่า ในยุคของขา
“เรอัล มาดริด เล่นเหมือนกับพวกเขาเป็นทีมเล็กเวลาถึงเกม เอล กลาซิโก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการมาเยือน คัมป์ นู ซึ่งเราไม่มีทางทำแบบนั้น ทีมที่ยิ่งใหญ่อย่าง บาร์เซโลน่า จะไม่ยอมเล่นแทคติกเหมือนกับ แอตฯ มาดริด เด็ดขาด ดังนั้น เรอัล มาดริด ที่เป็นทีมใหญ่ก็ควรจะคิดแบบเดียวกับเรา พวกเขาควรยึดมั่นในวิธีการเล่นของตัวเอง”
“ผมไม่ได้บอกว่าวิธีการของ แอตฯ มาดริด มันแย่นะ เพราะ ดิเอโก ซิเมโอเน วางแทคติกเพื่อทีมของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะการเล่นโต้กลับ แต่ผมไม่ค่อยชอบเป็นการส่วนตัว ผมไม่ชอบการอุดอยู่ในแดนตัวเองอย่างเดียว” ชาบี กล่าวสมัยยังเป็นนักเตะ
ความแน่ใจของ ชาบี ชัดเข้าไปอีกขั้นในช่วงราวปี 2008 ที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมของ บาร์เซโลน่า ตอนนั้น ชาบี ถึงกับเข้าใจว่าการเป็นเฮดโค้ชที่ดีต้องทำอย่างไร จริงจังและบีบคั้นนักเตะเพื่อเรียกร้องฟอร์มที่ดีที่สุดของนักเตะคนนั้นๆออกมาให้ตอบโจทย์กับแผนการเล่นที่ตัวของเฮดโค้ชเชื่อมั่น ถ้าทำได้ ความไร้เทียมทานก็บังเกิด
“เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามา และความโรแมนติกแห่ง บาร์เซโลน่า ก็เกิดขึ้น เขาจะบดและบีบคั้นคุณเหมือนกับคุณเป็นผลส้ม เอาสิ่งที่ดีที่สุดของคุณออกมาอย่างไม่ให้เหลืออะไรติดค้างอีกต่อไป มันเยี่ยมจริงๆที่โค้ชของคุณทำแบบนั้น เขาทำให้ทุกคนเห็นว่าตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกซ้อม การประชุมวางแผนทีม และการพูดคุยในทีมแต่ละครั้ง เขาเป็นเพอร์เฟ็กชั่นนิสต์ ที่พร้อมจะพาคุณไปยังจุดสูงสุดเสมอ” ชาบี เล่าถึงแรงบันดาลใจในการเป็นโค้ชของเขา
ชาบี อยู่กับ บาร์เซโลน่า จนกระทั่งปี 2015 กวาดทุกแชมป์ที่ลงสนาม และกลายเป็นบุคคลที่มีความเชื่อมั่นในฟุตบอลคอนโทรลอย่างที่สุด ไม่ว่าจะสัมภาษณ์เขาสักกี่ครั้ง ชาบี ยังคงตอบเหมือนเดิมว่า แก่นของฟุตบอลคือการเก็บบอลไว้กับตัว ไม่ใช่การตั้งรับและรอให้คู่แข่งพลาด เพราะการมีบอลอยู่กับเท้าไม่ใช่ความเสี่ยง แต่เป็นการกดดันฝั่งตรงข้าม
มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า แม้สิ่งที่ ชาบี พูดจะเป็นเรื่องจริง แต่การจะหาทีมที่สมบูรณ์แบบและลงตัวกับฟุตบอลคอนโทรลอย่าง บาร์เซโลน่า แบบในยุคของเขาคงไม่มีทีมไหนทำซ้ำได้อีก ราวกับเป็นการบอกว่าการครองบอลใช้ได้ดีกับทีมอย่าง บาร์เซโลน่า เท่านั้น เพราะต่อให้ได้มีโอกาสทำทีมฟุตบอลสักทีมที่ไม่ได้แข็งแกร่งและมีคุณภาพ ชาบี ก็พยายามพิสูจน์ให้เห็นว่าความเชื่อของเขาสามารถเป็นจริงได้
แม้กระทั่งกับทีมอย่าง อัล ซาดด์ ที่เขาใช้เวลาช่วงปลายอาชีพในฐานะนักเตะก่อนจะขยับไปเป็นเฮดโค้ช จนทำให้ อัล ซาดด์ คว้าแชมป์ลีกกาตาร์
“ผมสนุกกับงานโค้ชมาก ปรัชญาการทำทีมของผมไม่ต่างกับตอนที่ผมเป็นนักฟุตบอล เราครองบอลบุกและสร้างโอกาสให้ได้มากที่สุด ผมเป็นคนเดิมไม่เคยเปลี่ยน ความเชื่อของผมก็เช่นกัน ผมพยายามทำให้ทีมของผมเน้นการครองบอล เล่นด้วยสปีดเกมที่สูง และที่สำคัญ ผู้เล่นทุกคนต้องเข้าใจการเล่นเป็นทีม”
“ถึงเวลารับก็ต้องช่วยกันเล่นเกมรับ เวลาบุกก็ต้องขยับเคลื่อนที่พร้อมกันทั้งหมด เหนือสิ่งอื่นใด พวกเขาต้องเล่นฟุตบอลด้วยความสนุกและเพลิดเพลินกับช่วงเวลาที่บอลอยู่กับเท้า สร้างโอกาสให้เยอะ ยิงประตูให้มาก ตอนเป็นนักเตะผมเล่นมาแบบไหน ผมก็อยากให้ผู้เล่นของผมได้สัมผัสวิธีการแบบนั้นในวันที่ผมได้เป็นเจ้านายของพวกเขา” ชาบี กล่าวถึงความสำเร็จของเขาที่กาตาร์
การทำงานที่ อัล ซาดด์ ทำให้ ชาบี ได้เจอชีวิตที่หลายคนตามหา เขามีเวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัวมากขึ้น เนื่องจากการซ้อมส่วนใหญ่ของลีกกาตาร์มักจะซ้อมกันในช่วงเย็นๆ ซึ่งตัวของ ชาบี ก็ยืนยันว่า เขาได้ทำหลายสิ่งร่วมกับครอบครัวในแบบที่ตอนอยู่สเปนทำไม่ได้ เช่น การไปรับไปส่งลูกที่โรงเรียนอนุบาล หรือพาครอบครัวไปเที่ยวช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เป็นต้น
เหนือสิ่งอื่นใดคือ ค่าจ้างของ ชาบี นั้นตกอยู่ที่ปีละ 10 ล้านยูโร เรียกได้ว่าเป็นค่าเหนื่อยที่สูสีกับที่ คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือของ เรอัล มาดริด แถมงานที่กาตาร์ก็ต้องยอมรับว่าสบายๆ และเครียดน้อยกว่ามาก ชาบี ยอมรับว่าเขามีความสุขมากๆกับชีวิตที่กาตาร์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความเชื่อของเขากำลังโดนโลกตั้งคำถามในวันที่ บาร์เซโลน่า ล้มเหลวที่สุดในประวัติศาสตร์ ฟุตบอลคอนโทรลตายไปแล้ว และ บาร์เซโลน่า ก็เป็นสโมสรที่ตกยุค
นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ ชาบี กลับมารับงานเผือกร้อนแบบที่ไม่มีใครกล้ารับ หลังจาก โรนัลด์ คูมัน โดนไล่ออกจากตำแหน่ง พร้อมกับเรื่องราวนอกสนามของบอร์ดบริหารที่วุ่นวาย แม้มันจะหมายถึงงานหนักในระดับที่เอาชื่อมาทิ้งได้ง่ายๆ แต่สุดท้าย ชาบี ก็รับงานนั้น และเริ่มงานตามแบบฉบับของเขา
งาน.. ที่ขอให้ทุกคนเข้าใจ
ในวัย 41 ปี สำหรับอาชีพโค้ชก็ต้องใช้คำว่ากุนซือคนหนุ่มสำหรับ ชาบี ในวันที่เขาเข้ามารับงานกับ บาร์เซโลน่า ท่ามกลางปัญหามากมาย ไล่ตั้งแต่ปัญหาภายในของบอร์ดบริหารที่ลุกลามมาตั้งแต่ยุคของ โจเซป มาเรีย บาร์โตเมว จนกระทั่งประธานคนใหม่หน้าเก่าอย่าง โจ ลาปอร์ต้า ก้าวเข้ามา ไหนจะเรื่องปัญหาเงินๆทองๆ ที่ทำให้พวกเขาขยับตัวไม่ได้ เพราะมีงบประมาณเพียงน้อยนิดและมีรายรับน้อยกว่ารายจ่าย
ยิ่งไปกว่านั้น สภาพทีมของ บาร์เซโลน่า ก็เป็นยุคผลัดใบเต็มรูปแบบ นักเตะอันดับ 1 ของทีมอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ ย้ายไป เปแอสเช เพราะสโมสรไม่มีเงินต่อสัญญา ขณะนักเตะซีเนียร์อย่าง เคราร์ด ปิเก้, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ และ จอร์ดี้ อัลบา ถูกมองว่าหมดไฟและเป็นปัญหาของทีม ซ้ำร้ายนักเตะที่ซื้อเขามาใหม่ก็เป็นนักเตะที่ชื่อชั้นห่างไกลจากแบรนด์บาร์เซโลน่ามากโข ลุค เดอ ยอง, เมมฟิส เดปาย และ มาร์ติน เบรธเวท คือตัวอย่างที่โดนสื่อวิจารณ์เสมอ
ชาบี เข้าใจถึงงานใหญ่ที่รออยู่ เขาร้องขอเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ซึ่งมันก็เป็นอย่างที่เขาบอก ช่วง 1-2 เดือนแรก บาร์เซโลน่า ในยุค ชาบี ยังถูกมองเป็นตัวตลกอยู่เลย พวกเขาไม่สามารถเล่นสไตล์แบบที่ ชาบี คาดหวังได้แม้แต่น้อยและทำแต้มตกหล่นเป็นประจำ หนักข้อถึงขั้นตกรอบแบ่งกลุ่ม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี
หลังจบเกมรอบแบ่งกลุ่มที่ลูกทีมของ ชาบี แพ้ให้กับ บาเยิร์น มิวนิค ทีมแชมป์เมื่อปี 2020 โธมัส มุลเลอร์ นักเตะของ เสือใต้ ได้ให้สัมภาษณ์ว่า บาร์เซโลน่า ชุดนี้ห่างชั้นจากทีมใหญ่ โดยเฉพาะเรื่องของการรับมือกับจังหวะการเล่น ซึ่งเป็นจุดอ่อนสำคัญ ต่อให้เทคนิคดีขนาดไหน แต่ถ้าไม่แข็งแกร่งพอจะเป็นฝ่ายครอบครองบอลได้ บาร์เซโลน่า ก็ไม่ได้มีพิษสงอะไรมากมายนัก
“ผมไม่คิดว่าพวกเขาสามารถรับมือกับจังหวะการเล่นของเราได้ ถ้าพูดถึงเรื่องเทคนิค พวกเขาไม่ได้ขาดไปเลย แต่ถ้าพูดถึงเรื่องจังหวะการเล่นที่ดุดันทั้งรุกและรับ ผมไม่คิดว่าพวกเขาสามารถรับมือกับทีมชั้นนำของยุโรปได้” นี่คือสิ่งที่ มุลเลอร์ บอก และ ชาบี ก็เข้าใจเป็นอย่างดี
ชาบี อาจจะเริ่มวางระบบอะไรต่างๆที่เขาอยากจะให้ทีมเล่นให้ได้แบบที่เขาคิด แต่ปัญหาคือเรื่องทัศนคติ ความคิด และความมุ่งมั่น นักเตะของ บาร์เซโลน่า ถอดใจง่ายเกินไปซึ่ง เรื่องนี้ ชาบี ก็ยอมรับว่าเขาเล็งเห็นปัญหาและพยายามแก้ไขมันให้เร็วที่สุด
“ผมตามดู บาร์เซโลน่า ตั้งแต่ที่ผมยังไม่ได้เข้ามาคุมทีม จนถึงตอนนี้ผมได้เห็นแล้วว่าผมมีนักเตะที่ใช้งานไม่ได้มากกว่าที่ผมคิด หลายคนมีปัญหาเรื่องของสภาพจิตใจมากกว่าเรื่องของฟุตบอล และสำหรับที่ บาร์เซโลน่า คุณจะมาหงอไม่ได้เด็ดขาด เมื่อลงเล่นความมั่นใจก็ต้องอยู่ที่ระดับสิบเต็ม 10 ไม่ใช่ 6 หรือ 7 แบบที่หลายคนเป็น”
“การแพ้ บาเยิร์น คือความล้มเหลว แต่มันทำให้ผมได้เห็นปัญหาที่เราควรหนักใจมากที่สุด นั่นคือปัญหาด้านจิตวิทยาของเรานี่แหละ” ชาบี ว่าไว้เช่นนั้น
บาร์เซโลน่า ชุดนี้เผชิญกับเรื่องราวด้านลบมาเยอะมากเกินกว่าจะพลิกฟื้นภายในวันเดียว นักเตะหลายคนหมดใจไปแล้ว บางคนไม่มีความสุขที่จะอยู่ต่อและเตรียมมองหาอนาคตใหม่ งานของ ชาบี คือพยายามปลุกเร้าคนที่ยังพอมีไฟอยู่ให้กลับมากระหายความสำเร็จอีกครั้ง คนไหนที่ใช้ไม่ได้เข็นไม่ขึ้นก็ต้องค่อยๆโละทิ้งไป และนำเอาคนใหม่ๆที่มีสภาพจิตใจแข็งแกร่งและมีความเป็นแชมเปี้ยนเข้ามาเพิ่มเติม
ตลาดหน้าหนาวเปลี่ยนทุกอย่าง
ตลาดหน้าหนาวของฤดูกาล 2021-22 คือต้นเหตุการเปลี่ยนแปลงของ บาร์เซโลน่า อย่างแท้จริง ว่ากันว่า การเป็นโค้ชที่ดี นอกจากจะบริหารทีมให้มีมุมมองและทัศนคติที่ตรงกันแล้ว การเข้าสู่ตลาดซื้อขายแต่ละครั้งก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะนักเตะเก่งๆก็ไม่การันตีว่าจะเหมาะกับทีม ซึ่ง บาร์เซโลน่า ก็เจ็บมากับเรื่องนี้บ่อยๆ ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, อุสมาน เดมเบเล่, อองตวน กรีซมันน์ และอีกหลากหลายคนที่เป็นบทเรียนชั้นดี
ตลาดหน้าหนาวของ บาร์เซโลน่า ในงบที่จำกัดจำเขี่ย จบลงด้วยการคว้าตัว เฟร์ราน ตอร์เรส ด้วยราคา 55 ล้านยูโร มาจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ดานี่ อัลเวส และ ปิแอร์ เอเมอริก โอบาเมย็อง แบบไม่เสียค่าตัว พร้อมทั้งยืมตัว อดาม่า ตราโอเร่ มาจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน
ในกรณีของ อัลเวส นั้น เขามาที่นี่เพื่อช่วยทีมเก่าโดยแทบไม่สนเรื่องค่าจ้าง อัลเวส มาที่ บาร์เซโลน่า อีกครั้งก็เพราะมีโค้ชเป็น ชาบี อดีตเพื่อนร่วมทีมของเขา ขณะที่ โอบาเมย็อง ที่เคยถูกมองว่าอาจจะเป็นตัวปัญหาจากกรณีในอดีตที่เกิดขึ้นสมัยที่เขาอยู่กับ อาร์เซน่อล แต่ ชาบี ก็มีวิธีการในแบบของเขา ซึ่งเราจะกล่าวถึงในภายหลัง
การซื้อนักเตะใหม่นำมาซึ่งความสด เติมการแข่งขันให้กับทีม และ ชาบี ก็เริ่มได้ทีมที่เป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น นักเตะดาวรุ่งที่เคยโดนมองว่ายังขาดกระดูกฟุตบอลอีกเยอะก็พัฒนาตัวเองขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วในยุคของเขาทั้ง กาบี, นิโก้ กอนซาเลซ, เปดรี้, โรนัลด์ อเราโญ่ แม้กระทั่งคนที่ใครก็มองว่าไปไม่น่ารอดเพราะปัญหาเรื่องพฤติกรรมอย่าง อุสมาน เดมเบเล่ ก็เหมือนเกิดใหม่ในยุคของ ชาบี
เมื่อคนที่เข้ามาใหม่เติมคุณภาพได้ ดาวรุ่งหลายๆคนในทีมได้เล่นฟุตบอลในแบบที่พวกเขาคุ้นเคยมาตั้งแต่อยู่ที่ศูนย์ฝึก ลา มาเซีย สิ่งเหล่านี้ก็ส่งผลไปถึงตัวเก๋าอย่าง ปิเก้, บุสเก็ตส์, อัลบ้า หรือ เซร์กี้ โรแบร์โต้ ที่ได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการเปลี่ยนวิธีคิดและทัศนคติของนักเตะคนอื่นๆในทีม
นอกจากนี้ ในเรื่องของการซ้อม ชาบี ได้ดึงเอา อีวาน ตอร์เรส โค้ชฟิตเนสที่เป็นคนสนิทที่เคยทำงานด้วยกันมาตั้งแต่สมัย ชาบี ยังเป็นดาวรุ่งเข้ามาเป็นหนึ่งในทีมงาน ช่วยให้การซ้อมของทีมมีคุณภาพมากขึ้นและทำให้นักเตะมีความสุขมากกว่าที่เคยเป็น
สื่ออย่าง ESPN อธิบายเพิ่มเติมถึงประเด็นนี้ว่า “งานหลักของ ตอร์เรส ประกอบด้วยการทำแบบฝึกหัด วางแผนการซ้อมเพื่อทำให้นักเตะทั้งทีมเชื่อมโยงกัน สนุกสนาน เหมือนกับเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่ไปเข้าแคมป์ในช่วงซัมเมอร์”
“การซ้อมมักจะมีการแบ่งทีมกัน บางครั้งทีมละ 4, 6 หรือ 8 คนแข่งขันกันทำภารกิจต่างๆ แต่ละกิจกรรมสอดแทรกไปด้วยการทำงานเป็นทีม การฝึกไหวพริบ และใช้ความคิดในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาที สิ่งเหล่านี้ได้ผล เราจะเห็นภาพจากการซ้อมและพบว่านักเตะของ บาร์เซโลน่า มีการหัวเราะหยอกล้อกันมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือความสนุกที่ทำให้พวกเขากลายเป็นนักเตะที่มีความว่องไว รวดเร็ว และมีทัศนคติของผู้ชนะมากขึ้นในแบบที่พวกเขาไม่รู้ตัว” เกรแฮม ฮันเตอร์ นักข่าวสายฟุตบอลสเปนโดยเฉพาะบาร์เซโลน่า กล่าว
นิโก้ กอนซาเลซ นักเตะดาวรุ่งของทีมที่เกิดใหม่ในยุคของ ชาบี ยืนยันเรื่องนี้เช่นกัน เขาบอกว่า “พวกเราถูกสร้างในสนามซ้อมเพื่อให้สามารถเอาชนะในเกมการแข่งขัน เราเล่นเกมเพื่อสร้างคุณลักษะของการเล่นเป็นทีมเสมอ ทุกคนในสโมสรชอบการแข่งขัน เวลาที่เราซ้อมพวกเราสนุกมาก ผมคิดว่ามันสำคัญมากเลยในแง่ของความรู้สึกและความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น เราเข้าใจว่าพวกเราเป็นหนึ่งเดียวกัน และเหนือสิ่งอื่นใดคือ พวกเราสนุกกับตัวเองมากขึ้นด้วย”
ความสนุกคือบ่อเกิดแห่งความสร้างสรรค์ ตอนนี้ บาร์เซโลน่า กลับมาเป็นทีมที่เล่นได้สนุกอีกครั้ง แม้จะยังมีคุณภาพไม่เท่ากับในอดีตที่เคยเป็น แต่ ชาบี ก็ใช้เวลาเพียงแค่ 4 เดือนเท่านั้น เปลี่ยนจากทีมที่แพ้แม้กระทั่งทีมท้ายตารางให้กลายเป็นทีมที่ชนะ เรอัล มาดริด ด้วยสกอร์ที่ขาดลอยถึง 4-0
นอกเหนือจากการสร้างทีมให้เป็นทีมแล้ว การใส่ใจและสอนนักเตะทุกคนให้เห็นจุดอ่อนและวิธีการเล่นแบบที่เขาอยากจะเห็นก็เป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ บาร์เซโลน่า เปลี่ยนวิธีการเล่นมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
จากคำบอกเล่าของ โรนัลด์ อเราโญ่ กองหลังของทีมบอกว่า ตั้งแต่ที่ ชาบี มารับงาน สิ่งที่นักเตะในทีมจะต้องเจอกันทุกคน คือการต้องนั่งดูวิดีโอการแข่งขันของตัวเองย้อนหลัง เป็นการดูแบบจิ้มกันให้เห็นจะๆ หยุดให้เห็นถึงข้อผิดพลาดของแต่ละคน แม้กระทั่งเรื่องเล็กอย่างการส่งบอลที่แม้จะถึงเพื่อนร่วมทีม แต่ถ้าเป็นการส่งบอลที่ไม่ได้น้ำหนักหรือเบาเกินไป ชาบี ก็จะเอามาสอนนักเตะในทีม เพราะเขาเชื่อว่าการส่งบอลคือหัวใจสำคัญของฟุตบอลคอนโทรลซึ่งเป็นปรัชญาของเขา
มาถึงตอนนี้ เราแทบไม่ต้องพูดถึงเรื่องของแทคติกเลยด้วยซ้ำ ระบบการเล่น 4-3-3 หรือ 3-4-3 แทบไม่ต้องเอามาวิเคราะห์ให้เสียเวลา ต้นเหตุไม่ใช่ “ตัวเลขแผนการเล่น” แต่มันคือ “วิธีการเล่น” ต่างหาก
จุดเริ่มต้นเกิดจากการปรับทัศนคติที่เปลี่ยนความคิดของนักเตะใหม่ทั้งหมด เมื่อใจเริ่มได้ ก็มาแก้ไขกันที่การฝึกซ้อมและการสอนเพื่อให้เห็นถึงความแตกต่างและสื่อสารสิ่งที่ ชาบี อยากจะเห็น ท้ายที่สุดคือการทำให้ทุกคนสนุกกับฟุตบอลในแบบที่พวกเขาไม่ได้รู้สึกแบบนี้มานาน
หลังเกมที่ บาร์เซโลน่า บุกชนะ มาดริด 4-0 ที่สนามซานติอาโก้ เบอร์นาเบว วันนั้นคือวันที่ บาร์เซโลน่า ประกาศตัวว่าพวกเขากำลังกลับสู่เส้นทางเดิมแล้ว หรืออย่างน้อยที่สุด พวกเขาก็มาถูกทาง หลังจากปล่อยให้ มาดริด นำหน้าไปหลายก้าว โดยเฉพาะในศึก เอล กลาสิโก้ 5 ครั้งก่อนหน้านี้ที่ มาดริด ไม่แพ้ บาร์ซ่า เลยสักครั้ง
หลังเกมนั้น กูรูฟุตบอลสเปนที่เคยเป็นอดีตนักเตะของทั้งสองทีมอย่าง กูตี และ กาอิซก้า เมนดิเอต้า ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า บาร์เซโลน่า โตขึ้นภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว โดยเฉพาะ กูตี ที่เป็นตัวแทนฝั่ง มาดริด ก็ยอมรับว่าเขาตกใจมากที่ บาร์เซโลน่า ดีขึ้นแบบผิดหูผิดตาแบบที่เขาคาดไม่ถึง
“มีบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่นแน่นอน มีการพัฒนาเกิดขึ้นมากมายภายใต้การทำทีมของ ชาบี อย่างไม่ต้องสงสัย ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะการเซ็นสัญญานักเตะใหม่ช่วงตลาดฤดูหนาว แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ผมว่า บาร์เซโลน่า ชุดนี้เติบโตขึ้นมาก และเป็นการเติบโตขึ้นพร้อมๆกันทั้งในฐานะของทีมและในฐานะของโค้ชด้วย” กูตี กล่าว
และหลังจากที่ กูตี พูดจบได้ไม่นาน เมนดิเอต้า ที่เป็นตัวแทนของฝั่งบาร์เซโลน่า ก็ปิดท้ายอย่างตรงประเด็นว่า เหตุผลทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะ ชาบี ทำให้นักเตะของพวกเขาปลดล็อกสิ่งที่คาใจอยู่นาน นักเตะของ บาร์เซโลน่า ลงสนามแต่ละนัดในแบบที่ไม่กลัวใคร พวกเขาเข้าใจความหมายของการเป็นส่วนหนึ่งของบาร์เซโลน่าแล้ว ดังนั้น ไม่ว่าจะเจอกับใคร พวกเขาต้องมั่นใจว่าจะเป็นผู้ชนะ
“ชาบี ทำให้นักเตะของเขาไปที่ มาดริด ด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง เขาเปลี่ยนความคิดและทัศนคติของทีมได้อย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนหน้านี้ใครมอง บาร์เซโลน่า ก็จะตัดชื่อทิ้งออกจากคำว่าอนาคตที่สดใสและดีพอจะเป็นแชมป์ แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว คุณมองดูทีมของ ชาบี และคุณต้องคิดใหม่ว่า ‘พวกเขาอาจจะมีโอกาสก็ได้’ เขาทำให้ บาร์เซโลน่า เป็น บาร์เซโลน่า เพราะภาระเดียวที่ติดหลังนักเตะของ บาร์ซ่า คือพวกเขาต้องเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ซึ่งผมคิดว่าพวกเขากำลังเป็นอยู่ตอนนี้”
ถึงตอนนี้อาจจะยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่า บาร์เซโลน่า เก่งเทพเต็มรูปแบบจนกลายเป็นทีมที่กำลังจะเข้าสู่สถานะไร้เทียมทาน แต่ที่แน่ๆ การเปลี่ยนแปลงจากทีมที่มีปัญหาทุกด้านให้กลายเป็นทีมที่น่าลุ้นน่าเชียร์ระดับหลังมือเป็นหน้ามือแบบนี้ ก็ต้องให้เครดิตกับ ชาบี ไม่มากก็น้อย
UFABETWIN